Monday, June 16, 2014

ร่วมประชุมคณะผู้ปกครอง คณะครู ผู้บริหารโรงเรียนสาธิต มรภ. ฝ่ายประถมศึกษา

เมื่อวาน วันที่ 14 มิถุนายน 2557 ได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมคณะผู้ปกครอง ครู และผู้บริหารโรงเรียน ซึ่งถือว่าเป็นการพบปะกันอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรกหลังจากเปิดภาคเรียนไปเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2557 บางเรื่องบางประเด็นก็หาข้อยุติข้อสรุปได้ บางเรื่องก็ต้องยังต้องรอข้อสรุป เนื่องจากมีประเด็นแวดล้อมหลายเรื่องที่ยังไม่ควรด่วนสรุปในขณะนี้ แต่ทั้งนี้ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นอันดีของครู ผู้ปกครอง และนักเรียนจะประสานความร่วมมือกันพัฒนาโรงเรียนให้ผลผลิตของโรงเรียนได้ทั้ง "ดี เก่ง สุข" ดังคำขวัญชั่วคราวของโรงเรียน โดยส่วนตัวผมเห็นว่า เป็นคำขวัญที่ง่าย และครอบคลุมได้ดั่งใจแล้ว เพียงแต่มันฟังดูไม่เก๋ กลางๆ ดูเหมือนขาดอัตลักษณ์ มันธรรมดาเกินไป ประมาณนั้น
ก่อนหน้านี้ลูกตินเรียนอยู่โรงเรียนอนุบาลภูเก็ต บรรยากาศที่ผู้ปกครองกระตือรือร้นที่จะร่วมกิจกรรมประชุมพบปะกับคณะครูไม่เคยเกิดขึ้น การประชุมผู้ปกครองแต่ละครั้งก็เกิดจากโรงเรียนเชิญประชุม แต่ที่โรงเรียนสาธิตแห่งนี้มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ถึงแม้ว่าจะมีภารกิจกัน แต่ก็สละเวลามาร่วมประชุมกันได้เกือบเต็มที่นั่งในห้องประชุมเล็กของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะครูเองก็สละเวลามาร่วมด้วยช่วยกัน มาร่วมพูดคุยให้คำแนะนำ ปรึกษาหารือ รับฟังข้อเสนอแนะ และปัญหาที่นักเรียนและผู้ปกครองได้พบเห็น ตั้งแต่บ่ายสองจนถึงห้าโมงเย็น ทั้งๆ ที่เป็นนัดประชุมเป็นวันเสาร์ วันหยุดราชการ
ทุกฝ่ายมาพบพูดคุยกันด้วยบรรยากาศที่เป็นเอง ไม่เป็นทางทาง แต่งตัวลำลองสบายๆ มาด้วยใจรักที่ต้องการให้นักเรียน บุตรหลาน ลูกศิษย์ของตน เป็นเด็กดี มีความรู้ และมีความสุข และเข้าใจตรงกันในบริบทว่าไม่มีโรงเรียนไหนที่สมบูรณ์แบบ แต่เมื่อเราเลือกโรงเรียนแห่งนี้เป็นแหล่งบ่มเพาะเด็กๆ แล้ว ก็ต้องร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันปรับ แต่งเติมให้สมบูรณ์ให้มากที่สุด

ผู้ปกครองบางท่านอาจจะสงสัยว่ามีผู้ชายท่านหนึ่งมายืนต้อนรับ คอยอำนวยความสะดวก ช่วยเสิร์ฟน้ำที่พี่ชนิกา(แม่หนึ่ง) ซื้อมาฝาก เป็นใคร เขาเป็นครูในคณะครุศาสตร์ครับ อ.สมจิตร์ หวังสป

ประเด็นเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ของนักเรียน มีการแลกเปลี่ยนเล่าสู่กันฟังครับ
นักเรียนเข้าใหม่ทุกคนย่อมมีความตื่นเต้น ความกลัวกับสภาพแวดล้อมใหม่เป็นธรรมดา ต่างคนก็ต่างมาจากระบบการศึกษาที่แตกต่างกัน บางกลุ่มก็มาจากโรงเรียนทางเลือกเลือก บ้านเรียน(Home School) จากที่เคยใกล้ชิดกับครู ซึ่งได้รับการสัมผัส โอบกอดจากครู หากจะเปรียบเทียบกับที่นี่ มันช่างดูห่างเหิน เหมือนมีกำแพงมากั้นกลาง ไม่กล้าคุยกับครู จะทำอะไร ก็กลัวคุณครูจะดุ อย่างน้องพลอย คุณแม่เล่าให้ฟังว่า ลูกปวดฉี่ ไม่กล้าบอกครู ไม่รู้จะบอกอย่างไร บอกครูไม่ถูก เพราะที่นี่เขาไม่ได้บอกคุณครูว่าหนูปวดฉี่ แต่เพื่อนๆ ขอครูไปปัสสาวะ ในกรณีนี้เจอทั้งกำแพงกลัวครูเป็นพื้นฐาน แล้วยังเจอกำแพงภาษาอีก เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็บั่นทอนความเชื่อมั่นที่จะเอ่ยบอกความต้องการของตัวเองไปได้ ตอนท้ายแม่น้อยพลอยก็บอกว่า น้อยพลอยกลัวครูก็เฉพาะช่วงสัปดาห์แรก หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าใจว่าครูก็ใจดี การต่อต้านครู ไม่อยากเรียนกับครู ไม่อยากเรียนวิชาที่ครูสอน ก็ผ่อนคลายลง
ทางโรงเรียนเองก็เข้าใจดีว่าครูอวุโสส่วนใหญ่มีบุคคลิกเคร่งขรึม จึงใช้ระบบการสอนที่มีครูร่วมสอนในแต่ละรายวิชา 2 คน อีกคนจะเป็นครูรุ่นใหม่ เพิ่งจบปริญญาตรี อายุยังน้อย ครูกลุ่มนี้จะเข้ามาเติมเต็ม มีความใกล้ชิดกับนักเรียน เป็นทั้งพี่ เป็นทั้งครู ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนให้ดูสบายๆ ได้เป็นอย่างดี ผมเองก็ทราบข่าวมาว่าลูกตินชอบแกล้งครูรุ่นหนุ่มสาวด้วย จริงหรือเปล่า ครูคนไหนโดนบ้างนะ?

เริ่มด้วยประเด็นแรก เบาๆ ก่อนนะครับ เรื่องความปลอดภัยของนักเรียนในการรับ-ส่ง ช่วงเช้าและเย็น
ผู้ปกครองหลายท่านมีความกังวลใจ เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ในขณะรับส่งลูกที่ประตูทางเข้าอาคารเรียน เนื่องจากว่ามีการจราจรพลุกพล่าน ได้ข้อสรุปพอจะช่วยบรรเทาได้บ้าง คือจะเปิดประตูด้านหน้าโรงเรียน หรือจะเรียกว่าประตูฝั่งสนามบาสเกตบอล ประตูฝั่งธงชาติก็ได้ครับ รถไม่พลุกพล่าน อ.วาสนาจะจัดให้ครูคอยรับนักเรียนที่ประตูนี้อีกจุดหนึ่ง ในวันจันทร์นี้ครับ หากว่าฝนตกไม่มีร่ม ส่งที่ประตูอาคารเรียนจะเหมาะกว่า ประตูสนามบาสเกตบอลเดินไกลไปหน่อยครับ และผู้บริหารจะประสานกับฝ่ายงานที่ดูแลการจราจรภายในมหาวิทยาลัยในการเสนอปิดการจราจรช่วงหน้าอาคารเรียนในช่วงเวลาเร่งด่วนด้วยครับ
ด้วยที่ประตูฝั่งสนามบาสเกตบอลปิดตายมาตลอด อดสับสนไม่ได้ว่าประตูไหนคือประตูหน้าโรงเรียน ครูอดุล ได้ให้ความกระจ่างว่า โดยปกติไม่เคยเจอโรงเรียนไหนที่เสาธงอยู่หลังโรงเรียน เสาธงต้องอยู่ด้านหน้าโรงเรียนกันทั้งนั้น (*^-^*)
ทางโรงเรียนเองก็ขอความร่วมมือผู้ปกครองในเรื่องเวลารับส่ง คือไม่มาส่งนักเรียนก่อน 7.00 น. และให้รับกลับก่อนเวลา 17.20 น. (หากว่าเรื่องเวลาผมจำผิดพลาด ก็ท้วงติงกันได้นะครับ) จะได้ไม่เป็นการรบกวนครูเวรจนเกินไป

ขอเล่าผลการประชุมผู้ปกครองต่อนะครับ
เรื่องร้านค้าบริเวณโรงเรียน ไม่ต้องแปลกใจนะครับว่าทำไมตอนนี้ร้านค้าในโรงเรียนหยุดขายไปแล้ว คือทางผู้ปกครองเป็นห่วงเรื่องคุณภาพอาหาร ซึ่งก่อนหน้านี้เด็กๆ มักจะซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาทานเล่นกันก็อดห่วงเรื่องโภชนาการไม่ได้ ทางผู้บริหารโรงเรียนขอกำหนดกฏเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ประกอบการ และอยากให้กลุ่มผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมด้วย อาทิ อาหารประเภทไหนควรนำมาขาย ประเภทไหนห้ามนำมาขาย

ในระยะนี้ ซึ่งไม่มีร้านค้า หลังเลิกเรียน เด็กๆ มักจะเล่นกันจนเหนื่อย จนหิวทีเดียว ไม่รู้จะหาซื้ออาหารจากไหน ที่ประชุมเสนอกันว่า ผู้ปกครองควรเตรียมอาหารสำหรับลูกๆ และแบ่งปันเพื่อนๆ
จะได้เป็นการฝึกบุตรหลานให้รู้จักแบ่งปัน แสดงออกถึงความมีน้ำใจต่อเพื่อนเ และเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างครอบครัวของนักเรียนได้อีกทางหนึ่งด้วย